เนื่องจากประเทศไทย เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์และแหล่งขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ แหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของโลกจากสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมเพราะไม่มีหิมะตกและภูมิอากาศที่หลากหลาย ตั้งแต่ร้อนชื้นไปจนถึงพื้นที่ที่อากาศเย็น ทำให้บ้านเรามีชนิดไม้ดอกไม้ประดับอยู่มากมาย
มีทั้งประเภทที่เน้นการโชว์ดอก โชว์ใบ ใช้ประโยชน์โดยตรงจากการตัดดอกหรือใบ และไม้ประดับกระถาง ซึ่งแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างในการปลูกเลี้ยงแตกต่างกันไป บางชนิด
เหมาะที่จะนำมาจัดวางที่พื้นหรือโต๊ะทำงาน ในขณะที่บางชนิดสามารถนำมาแขวนในอากาศได้อีกด้วย
"ไม้แขวน" ในที่นี้จึงไม่ได้หมายความถึงพืชกลุ่มใดเป็นพิเศษ แต่ว่ากันที่ "อุปนิสัย" และ "รูปแบบการใช้งาน"ของต้นไม้นั่นเองครับ
>>> แบบไหนล่ะถึงเรียกว่า "ไม้แขวน"จะเรียกว่า "ไม้แขวน" แน่นอนว่ามันต้องอยู่ในภาชนะ
ที่แขวนไว้ในอากาศ แต่ว่า... แล้วต้นอะไรบ้างล่ะที่สามารถนำมาแขวนได้??? หากจะกล่าวถึงไม้แขวน
ในแง่ไม้ดอกไม้ประดับ ก็ต้องพิจารณากันที่นิสัยของต้นไม้ว่าเมื่อนำมาแขวนแล้วยังจะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นปกติมั้ย ถ้าอยู่ได้เป็นปกติดีเราก็สามารถนำมาใช้งานเป็นไม้แขวนได้
>>> แบ่งประเภทของไม้แขวนกันอย่างไรไม้แขวนมีความหลากหลายของชนิดมาก มีการนำ
พันธุ์ไม้จากธรรมชาติและไม้กระถางมา ประยุกต์ใช้เป็นไม้แขวนกันมาก นับตั้งแต่พวกที่เป็นพืชรากอากาศแท้ๆ(epiphytic plants) อย่างพวกกล้วยไม้ สับปะรดสีหรือเฟิร์นบางชนิด ที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อให้มีชีวิตหากินอยู่บนอากาศ โดยอาศัยที่จับยึดเป็นกิ่งของต้นไม้บางชนิดจัดเป็นพวกรากกึ่งอากาศ (semi-epiphyticplants)ที่จะต้องอาศัยซอกหลืบบนที่สูงจากพื้นดินซึ่งมีซากใบไม้ผุทับถมเพียงเล็กน้อยในการดำรงชีพ เช่นเดปและโฮย่า ไปจนถึงพวกที่อยู่บนดินตามปกติ(terestrial plants) แต่ว่าปรับตัวได้ดี สามารถงอกอยู่ตามคาคบไม้ที่บังเอิญมีการผุพังทับถม จนมีลักษณะคล้ายดินเช่นพวกไม้วงศ์พลู (Araceae) และสกุลไทรต่างๆ(ไม้สกุลไทร, Ficus sp. บางชนิดเช่นตีนตุ๊กแกด่าง)
>>> การปลูกเลี้ยงไม้แขวนไม้แขวนส่วนมากปลูกเลี้ยงง่ายเพราะส่วนใหญ่จะปรับตัวได้ดี
กลุ่มที่เป็นรากอากาศแท้ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้าและกล้วยไม้บางสกุล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้วัสดุปลูกใดๆเพราะสามารถดักจับความชื้นในอากาศได้ดี ให้ปุ๋ยเป็นชนิดเกล็ดละลายน้ำโดยการฉีดพ่นสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนชนิดที่เป็นกึ่งรากอากาศ สามารถปลูกใส่กระถางหรือกระเช้าแขวนโดยเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาเป็นหลัก อาจจะใช้กาบมะพร้าวสับร่วมกับใบไม้ผุื หรืออาจใช้โฟมหักเป็นชิ้นเล็กๆใส่ลงไปด้วยก็จะทำให้น้ำหนักเบามากยิ่งขึ้น ให้ปุ๋ยเป็นออสโมโคท(ปุ๋ยละลายช้า) ใส่ 3-6 เดือนครั้งตามแต่ชนิดที่ใช้ส่วนไม้แขวนที่เป็นชนิดประเภทอยู่บนดินก็สามารถใช้ดินร่วมกับปุ๋ยออสโมโคท โดยมีเศษใบไม้ผุ หรือใบก้ามปูหมักในสัดส่วนที่มากขึ้น ทำให้น้ำหนักแขวนเบาลงได้ มีข้อควรระวังในกรณีที่นำไม้แขวนซึ่งมีดินผสมอยู่ในวัสดุปลูก ไม่ควรนำไปแขวนที่ที่มีชนิดไม้อ่อนแอเป็นโรคง่าย อยู่ด้านล่างของตำแหน่งที่แขวนเพราะอาจทำให้เกิดความสกปรก และต้นที่อยู่ด้านล่างนั้นเป็นโรคตายได้
>>> แขวนไว้ที่ไหนดี?แขวนประดับตกแต่งบ้าน อาคารสำนักงาน หรือมุมพักผ่อน
ส่วนตัวได้เลยครับไม้แขวนสามารถใช้เพิ่มเติมประโยชน์จากไม้กระถางทั่วไปได้ดี เช่นในพื้นที่ที่เปิดโล่ง ใช้ไม้แขวนสำหรับเป็นที่หยุดพักสายตาได้ บางครั้งมุมสงบส่วนตัวที่มีการจัดวางต้นไม้ไว้อยู่แล้ว หากนำไม้แขวนไปเติมเต็มในส่วนที่ว่างด้านบน อาจจะให้ผลทางด้านความต่อเนื่องและเพิ่มความร่มรื่นได้มากยิ่งขึ้น หรืออาจจะใช้ไม้แขวนในการแบ่งพื้นที่ใช้สอย (partition) เช่นใช้บังสายตาจากระหว่าง
โต๊ะทำงานข้างๆ หรือเพิ่มความเป็นส่วนตัวในมุมส่วนตัวเป็นต้นสถานที่แขวน ควรจะได้รับแสงบ้างอาจจะกรองแสงด้วยซาแลน 50-70% (ไม้แขวนบางชนิด เช่นพวกไม้ดอกอาจจะทนแดดจ้าได้ตลอดวัน) ถ้าจำเป็นต้องแขวนในบ้านหรืออาคารสำนักงาน ควรนำออกมาโดนแสงแดดอย่างน้อย
วันละ 1-2 ชั่วโมง ในเวลาก่อนเที่ยงเพียงเท่านี้ "ไม้แขวน" ก็จะอยู่กับเราไปได้นานเลยครับ
ที่มา:http://www.tonmai2u.com/topic%20epiphytic%20plants.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น