.......ไม้ประดับ.......

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไม้มงคล

ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันเสาร์


ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันเสาร์ มีดังนี้
    * วาสนา ตามตำรามิได้ระบุไว้ว่าเป็นวาสนาพันธุ์ใด แต่ขึ้นชื่อว่าวาสนาแล้วนั้นให้คุณทั้งสิ้น วาสนาราชินี จะให้คุณทางด้านบุญที่สูงล้น มีโชควาสนา วาสนาอธิษฐาน เชื่อว่าจะทำให้เกิดความสุข สมหวัง ทำให้เกิดแรงบันดาลตามความปรารถนา
    * มะลิ ไม่ว่าจะเป็นมะละซ้อนหรือมะลิลา ก็เป็นสิริมงคลทางด้านทำให้คนในบ้านมีความบริสุทธิ์ มีความรักและความคิดถึงแก่บุคคลทั่วไป
    * กวนอิม เป็นไม้ที่ชื่อเป็นสิริมงคล ดังนั้นนอกจะเป็นมงคลแก่ผู้เกิดวันเสาร์แล้วยังส่งผลถึงบุคคลอื่นในครอบครัว ด้วย เชื่อกันว่าเมื่อปลูกกวนอิมในบ้านจะเกิดเป็นสิริมงคล นำผลให้มีฐานะดี เกิดความร่ำรวย
    * จำปี หากนำมาปลูกในบ้านจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง การงานก้าวหน้า
    * จำปา ถือเป็นต้นไม้ที่จะนำโชค และเหมาะสมกับคนเกิดวันเสาร์อย่างยิ่ง
    * ราชพฤกษ์หรือคูน ด้วยดอกที่เป็นพวงระย้าที่สวยงาม และสีเหลืองที่จะตัดกับสีของฟ้าในฤดูร้อน จะทำให้บ้านดูสดใส และยังมีความเป็นมงคลทางด้านช่วยให้มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี
    * มะม่วง นอกจากจะเก็บผลกินได้แล้ว ยังเชื่อว่าจะทำให้ผู้ปลูกร่ำรวยยิ่งขึ้นอีกด้วย

ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันศุกร์
ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันศุกร์ มีดังนี้
    * กุหลาบ ควรเป็นกุหลาบแดง หรือชมพู หากนำมาปลูกเลี้ยงไว้จะทำให้เกิดความสง่างาม ภาคภูมิ
    * อัญชัน นั้นให้คุณด้านการประสบความสำเร็จในชีวิต
    * เข็ม หากปลูกเข็มไม่ว่าจะสีแดงหรือชมพูไว้ในบ้าน จะทำให้ชีวิตก้าวหน้าไปด้วยดี
    * ชบา เป็นไม้ที่เป็นสิริมงคลของคนเกิดวันศุกร์ จะสีแดงหรือชมพูก็ดีทั้งสิ้น
    * โกสน นั้นพ้องกับคำว่า กุศล จึงเชื่อว่า คือการสร้างบุญ คุณงามความดี ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข
    * โป๊ยเซียน ควรปลูกที่ดอกสีแดงหรือชมพู โป๊ยเซียนนั้นจะนำโชคลาภมาให้กับผู้ปลูก


ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี
ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี ควรเป็นไม้ดอกสีขาวจึงจะต้องโฉลก
    * มะลิ ถือเป็นไม้มงคลที่สูงค่าจึงนิยมใช้บูชาพระ ไม่ว่าจะเป็นมะละซ้อนหรือมะลิลา ก็เป็นสิริมงคลทางด้านทำให้คนในบ้านมีความบริสุทธิ์ มีความรักและความคิดถึงแก่บุคคลทั่วไป
    * จำปี เป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งของผู้เกิดวันพฤหัสบดี หากนำมาปลูกในบ้านจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง การงานก้าวหน้า
    * ราตรี นอกจากจะมีกลิ่นหอมชื่นใจยังให้ความเป็นสิริมงคลดีมาก
    * พุด ไม่ว่าจะเป็นพุดชนิดใดจะส่งผลให้มีความเจริญ มั่นคง แข็งแรงสมบูรณ์ ทั้งสิ้น แต่ควรเป็นพุดชนิดที่ดอกสีขาว
    * กุหลาบ ควรเป็นดอกสีขาว หากนำมาปลูกเลี้ยงไว้จะทำให้เกิดความสง่างาม ภาคภูมิ
    * แก้ว ท่านว่าปลูกแล้วจะส่งผลให้คนในบ้านนั้นมีความดี มีความสูงค่า มีจิตใจแจ่มใสบริสุทธิ์ดุจแก้ว


ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันพุธ
ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันพุธ มีหลายชนิด ไม่ว่าจะเกิดพุธกลางวันหรือกลางคืนจะมีไม้มงคลอย่างเดียวกัน และควรเลือกที่มีดอกสีเหลืองซึ่งเป็นสีต้องโฉลก
    * กวนอิม เชื่อกันว่าเมื่อปลูกกวนอิมในบ้านจะเกิดเป็นสิริมงคล นำผลให้มีฐานะดี เกิดความร่ำรวย
    * วาสนา ชื่อก็เป็นสิริมงคลอยู่แล้ว หากปลูกร่วมกับต้นกวนอิมจะเหมาะสมอย่างยิ่ง ตามตำรามิได้ระบุไว้ว่าเป็นวาสนาพันธุ์ใด แต่ขึ้นชื่อว่าวาสนาแล้วนั้นให้คุณทั้งสิ้น วาสนาราชินี จะให้คุณทางด้านบุญที่สูงล้น มีโชควาสนา วาสนาอธิษฐาน เชื่อว่าจะทำให้เกิดความสุข สมหวัง ทำให้เกิดแรงบันดาลตามความปรารถนา
    * พลูด่าง เป็นไม้ที่เจริญงอกงามง่าย ให้คุณทางด้านการเจริญงอกงามในชีวิต
    * โป๊ยเซียน ควรเป็นโป๊ยเซียนที่มีดอกสีเหลือง จะต้องโฉลกกว่าสีอื่นๆ โป๊ยเซียนนั้นจะนำโชคลาภมาให้กับผู้ปลูก
    * กล้วย ไม่ว่าจะเป็นกล้วยชนิดใด จะให้ผู้ปลูกร่มเย็นเป็นสุขกายสบายใจ
    * ราชพฤกษ์หรือคูน เป็นไม้ที่ให้ความสดใสแก่บ้าน ด้วยดอกที่เป็นพวงระย้าที่สวยงาม และสีเหลืองที่จะตัดกับสีของฟ้าในฤดูร้อน และยังมีความเป็นมงคลทางด้านช่วยให้มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี
    * กุหลาบ หากเป็นสีเหลืองจะดีที่สุดสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ จะทำให้ประสบกับความสุขสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน
    * โกสน นั้นพ้องกับคำว่า กุศล จึงเชื่อว่า คือการสร้างบุญ คุณงามความดี ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข
    * ชบา ควรเลือกปลูกชบาที่ดอกสีเหลือง จะต้องโฉลกที่สุด


ไม้มงคลประจำวันเกิด วันอังคาร
ไม้มงคลสำหรับคนเกิดวันอังคาร สีมงคลของคนวันอังคารคือ สีแดง หรือชมพู ดังนั้นไม้ดอกที่ปลูกควรเป็นสีใดสีหนึ่งนี้ ไม้ประดับที่เป็นสิริมงคล ได้แก่
    * กุหลาบ ควรปลูกที่ดอกสีแดง หรือชมพู เพื่อก่อให้เกิดความเป็นมงคล เกิดความสุขความสบายใจ และมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต เกิดความสง่างาม ภาคภูมิ
    * โป๊ยเซียน เลือกที่ดอกสีแดงหรือชมพู จะช่วยให้มีความโชคดีในชีวิตเสมอ
    * อัญชัน เป็นไม้ประดับที่ให้คุณกับคนเกิดวันอังคารทางด้านความเป็นสิริมงคล
    * โกสน นั้นพ้องกับคำว่า กุศล จึงเชื่อว่า คือการสร้างบุญ คุณงามความดี ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข
    * เข็ม ควรเป็นเข็มแดงหรือชมพู ปลูกต้นเข็มไว้ในบริเวณบ้านเชื่อว่าจะทำให้สมองปลอดโปร่ง เกิดความคิดความอ่านที่ดี ให้คุณโดยทั่วไปด้วย
    * ชบา ที่ถูกโฉลกต้องเป็นชบาสีแดงหรือชมพู ให้คุณด้านการงานเจริญก้าวหน้าไร้ปัญหาและอุปสรรค
    * พญายอ หากคนวันอังคารปลูกเลี้ยงไว้ท่านว่าจะทำให้ดำเนินชีวิตราบรื่นเป็นสุขสมบูรณ์


ที่มา:http://www.7daysflower.com/tag/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1/

ดอกไม้เมืองหนาว


ดอก forget me not
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cynoglossum lanceolatum Forssk.
ลักษณะ : ลำต้นแข็ง สูงประมาณ 0.5-1 เมตร มีกิ่งก้านแตกแขนงรอบลำต้น ใบเล็กเรียว ปลายแหลมโคนมน มีขนอ่อนปกคลุมทั้งสองด้าน
 ดอกสีน้ำเงินอมฟ้า 5 แฉก ออกตามปลายยอด มีหลายดอกทยอยบาน โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้นๆ ช่วงเวลาออกดอก  ตุลาคม - ธันวาคม
แหล่งที่พบ : พบตามทุ่งหญ้าโล่ง ระดับความสูง 1,500 เมตรขึ้นไป

ดอกไม้ ชนิดนี้มีตำนานเกี่ยวข้องกับความทรงจำเกี่ยวกับความรัก…ครั้งหนึ่งเมื่อนาน มาแล้วในฝรั่งเศส ในสมัยของอัศวินเสื้อเกราะและนางใน อัศวินผู้กล้าหาญ ได้เดินชมจันทร์กับสาวงามนางหนึ่ง ณ ริมฝั่งแม่น้ำ ยอดหญิงของอัศวินได้มองเห็นดอกไม้เล็กๆขึ้นอยู่ริมตลิ่ง เธอวิงวอนให้เขา ลงไปเก็บให้ แต่ขณะที่เขากำลังเอื้อมเก็บดอกไม้ก็พลันลื่นไถลลงไปในแม่น้ำ เสื้อเกราะที่หนักทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ก่อนที่เขาจะจมหายไปในกระแสธาร เขาโยนดอกไม้ให้หญิงคนรัก และร้องตะโกนว่า " Ne m'oubliez pas "..อย่าลืมฉัน ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีชื่อว่า forget me not ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทยังมีความหมายว่ารักแท้ จึงมักปรากฏอยู่เสมอบนการ์ดวาเลนไทน์ที่คู่รักหนุ่มสาวมอบให้แก่กัน

 ดอกเทียนนกแก้ว

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Impatiens psittaciana  Hook.f.
ลักษณะลำต้น : ไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี สูง 30-150 ซม. ลำต้นกลวงและเป็นข้อปล้อง แตกกิ่งก้านมากมาย ลำต้นอ่อนสีม่วงอมแดงและอวบน้ำ ลำต้นแก่สีเขียวอ่อนสลับสีเขียวแก่
ลักษณะ ใบ : ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้นเป็นเกลียว รูปใบหอก หรือรูปไข่กว้าง กว้าง 2-4 ซม.ยาว 4-6 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นหนามแหลมสั้น โคนใบมน ผิวใบเรียบ
ลักษณะดอก : ออกดอกเดี่ยวตามก้านใบและปลายยอด ดอกมีรูปร่างคล้ายนกแก้วกำลังกางปีกบินดูสวยงามสะดุดตา ขนาดดอก 2-3 ซม. ดอกสีม่วงแกมแดงและขาว หรือสีชมพูเข้มแกมแดงและขาว กลางดอกมีแต้ม สี เหลือง ดอกเป็นรูปหลอดกว้าง ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน สีชมพูอมขาวและมีจุดประ สีม่วงแดง กลีบบนรูปขอบขนานมีขนาดยาวที่สุด ปลายกลีบแยกลึกเป็น 2 แฉก กลีบข้าง 2 กลีบแผ่เป็นปีกแคบ กลีบล่างแผ่เป็นปีกกว้าง ปลายกลีบเว้าเป็น 2 พู เกสรตัวผู้มัดรวมกันลักษณะม้วนงอ
กลีบรองกลีบดอกเป็นรูปถ้วยปากบาน ส่วนโค้งเป็นถุง มีงวงน้ำหวานขนาดสั้นอยู่ท้ายสุด บริเวณที่ติด
กับก้าน ดอกพองออกเป็นปีกโค้งกลม ๆ 2 ปีก ก้านดอกยาวได้ถึง 6 ซม. ออกดอกในราวเดือน
ส.ค. - ต้นเดือน ธ.ค.
ลักษณะผล : เป็นฝักยาวรูปกระสวย มีเมล็ดเป็นจำนวนมาก
แหล่งที่พบในไทย : เป็นพันธุ์ไม้หายากชนิดหนึ่ง พบขึ้นตามใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในป่าดิบเขาหรือบริเวณโขดหินปูนที่อยู่สูงจากระดับ น้ำทะเลตั้งแต่ 1,500-1,800 เมตร ปัจจุบันมีรายงานการพบเฉพาะบนดอยเชียงดาวจ.เชียงใหม่ เท่านั้น

กล้วยไม้แวนด้า
แวน ด้าเป็นกล้วยไม้ประเภทโมโนโพเดี้ยล ไม่แตกกอ เจริญเติบโตไปทางยอด  รากเป็นรากอากาศ ใบมีลักษณะกลม แบนหรือร่อง ใบซ้อนสลับกัน ช่อดอกจะออกด้านข้างของลำต้นสลับกับใบ ช่อดอกยาวและแข็ง กลีบนอกและกลีบในมีรูปร่างคล้ายคลึงกัน โคนกลีบแคบ และไปรวมกันที่โคนเส้าเกสร กลีบดอกในล่างด้านใต้มีเดือยแหลมยื่นออกมาเป็นส่วนท้ายของปากกระเป๋า ปากกระเป๋าของแวนด้าเป็นแบบธรรมดาแบนเป็นแผ่นหนาแข็ง และพุ่งออกด้านหน้า รูปลักษณะคล้ายช้อน หูกระเป๋าทั้งสองข้างแข็งและตั้งขึ้น สีดอกมีมากมายแตกต่างกันตามแต่ละชนิด
กล้วย ไม้สกุลแวนด้าพบในป่าตามธรรมชาติประมาณ 40 ชนิด มีกระจายพันธุ์อยู่ในทวีปเอเซีย ตั้งแต่อินเดีย ศรีลังกา พม่า ไทย อินโดนีเซีย จนถึงฟิลิปปินส์ แวนด้าได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์ขึ้นอีกหลายพันธุ์ ปัจจุบันได้มีการจำแนกประเภทของแวนด้า โดยอาศัยรูปร่างลักษณะของใบออกเป็น 4 ประเภท คือ
แวน ด้าใบกลม มีลักษณะของใบกลมยาวทรงกระบอก ต้นสูง ข้อห่าง สังเกตได้ที่ใบติดอยู่ห่างๆ กัน มีดอกช่อละหลายดอก แต่ดอกจะบานติดต้นอยู่คราวละ 2–3 ดอกเท่านั้น เมื่อดอกข้างบนบานเพิ่มขึ้น ดอกข้างล่างจะโรยไล่กันขึ้นไปเรื่อยๆ การปลูกใช้ดอกจึงนิยมปลิดดอกมากกว่าตัดดอกทั้งช่อ
แวนด้าใบแบน ลักษณะใบแผ่แบนออก ถ้าตัดมาดูหน้าตัดจะเป็นรูปตัววี มีข้อถี่ปล้องสั้น ใบซ้อนชิดกัน ปลายใบโค้งลงและจักเป็นแฉก
แวน ด้าใบร่อง มีรูปทรงของใบและลำต้นคล้ายใบแบนมากกว่าใบกลม แวนด้าประเภทนี้ไม่พบในป่าธรรมชาติ การนำมาปลูกเลี้ยงเป็นพันธุ์ลูกผสมทั้งสิ้น โดยนำแวนด้าใบกลมมาผสมกับแวนด้าใบแบน
แวนด้าก้างปลา มีรูปทรงของใบและลำต้น กิ่งใบกลมกับใบแบน พบตามป่าธรรมชาติน้อยมาก เพราะกล้วยไม้พันธุ์นี้เป็นหมันทั้งสิ้น
ในบรรดาแวนด้าทั้ง 4 ประเภทนี้ แวนด้าใบกลมเป็นแวนด้าที่เลี้ยงง่ายที่สุด สามารถปลูกลงแปลงกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องมีโรงเรือน แต่ดอกมักจะบานไม่ทน ส่วนที่เลี้ยงยากที่สุดคือ แวนด้าใบแบน มีหลายพันธุ์ ทั้งดอกใหญ่และดอกเล็ก แต่ที่ได้รับความนิยมได้แก่ ฟ้ามุ่ย เพราะดอกใหญ่ สีสวย การเลี้ยงแวนด้าใบแบนจำเป็นต้องมีโรงเรือนเพราะต้องการแสงที่พอเหมาะ สำหรับแวนด้าใบร่องเป็นลูกผสมระหว่างใบกลมและใบแบน ถูกผสมขึ้นเพื่อให้ปลูกเลี้ยงง่ายขึ้น แต่ดอกมักจะสีไม่สวยและปากหักง่าย

ดอกทิวลิป
เป็น ดอกไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ มีอยู่หลายสี ดอกทิวลิปจะปลูกได้ต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม คือไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส

ที่มาของชื่อ

แม้ ว่าทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงฮอลแลนด์ แต่ทั้งดอกไม้และชื่อมีที่มาจากจักรวรรดิเปอร์เชียเปอร์เชีย لاله, “lâleh”) เช่นเดียวกับที่เรียกกันในตุรกี เป็นดอกไม้ท้องถิ่นของตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และบางส่วนของเอเชียกลาง แม้ว่าจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้นำทิวลิปเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรป แต่ที่สำคัญคือตุรกีเป็นผู้ทำให้ทิวลิปมีชื่อเสียงที่นั่น เรื่องที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือ Oghier Ghislain de Busbecqไปเป็นราชทูตของสมเด็จ พระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในราชสำนักของ สุลต่านสุลัยมานมหาราชแห่งจักรวรรดิออตโตมันในปี ค.ศ. 1554 Busbecq บรรยายในจดหมายถึงดอกไม้ต่างๆ ที่เห็นที่รวมทั้งนาร์ซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ และทิวลิปที่ดูเหมือนจะบานในฤดูหนาวที่ดูเหมือนผิดฤดู (ดู Busbecq, qtd. in Blunt, 7) ในวรรณคดีเปอร์เชียทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่ต่างก็ให้ความสนใจกับดอกไม้ชนิด นี้ ทิวลิปหรือ “lale” (จาก
คำว่า “tulip” ที่ในภาษาอังกฤษสมัยแรกเขียนเป็น “tulipa” หรือ “tulipant” เข้ามาในภาษาอังกฤษจากฝรั่งเศสที่แผลงมาจากคำว่า “tulipe” และจากคำโบราณว่า “tulipan” หรือจากภาษาลาตินสมัยใหม่ “tulīpa” ที่มาจากภาษาตุรกี “tülbend” หรือ “ผ้ามัสลิน” (ภาษาอังกฤษว่า “turban” (ผ้าโพกหัว) บันทึกเป็นครั้งแรกในภาษาอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และอาจจะมาจากภาษาตุรกีอีกคำหนึ่งว่า “tülbend” ก็เป็นได้)
ทิวลิป ในประเทศไทย
ใน ประเทศไทย สำนักงานเกษตรที่สูงดอยผาหม่น ได้ปลูกดอกทิวลิป ในพื้นที่เกษตรที่สูง ดอยผาหม่น ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ตั้งปี พ.ศ. 2549 เพื่อการท่องเที่ยว

ดอกบ๊วยหรือดอกเหมย
ดอกบ๊วยหรือดอกเหมย คือดอก PRUNUS หรือดอก PLUM เป็นดอกไม้ดอกแรกของปี คือเริ่มบานในเดือนหนึ่ง ซึ่งเป็นฤดูหนาว และเป็นดอกไม้ชนิดเดียวของฤดูนี้
ดอกบ๊วย หรือคนจีนเรียกว่า "เหมยฮัว" มีความหมายถึงความชื่นบาน ความมีโชคและอายุยืนยาวกับความอ่อนเยาว์ที่ยืนยง เพื่อต้อนรับวสันตฤดูที่กำลังจะมาถึง
สามเกลอในฤดูหนาว (ดูหมายเหตุท้ายบทความ) จึงเป็นการสื่อถึงความหมายมงคล คือ ความมีอายุยืนหรือความยิ่งใหญ่ แต่ถ้าไผ่กับดอกเหมยอยู่ด้วยกันเพียงสองอย่าง จะหมายถึง มิตรภาพระหว่างเด็กชายและเด็กหญิงที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์
สามเกลอที่มีมงคลอันดีงามนี้จะมีอยู่เพียงชนิดเดียวที่ปลูกได้ดีที่สุดใน ประเทศไทย คือต้นไผ่ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราคนไทยหรือคนจีนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจึง นิยมปลูกต้นไผ่ในบ้าน


ตลาดต้นไม้และพรรณไม้

ไม้ประดับนานาพันธุ์

เงินไหลมา ลักษณะเป็นเถาเลือย ถือได้ว่าเป็นนามที่เป็นมงคล เพราะเงินทองที่ไหลมาเทมาสู่บ้านเรือน และสมาชิกทุกคนภายในบ้าน
ม่านบาหลี เป็นไม้เลื้อยดอกสีขาวอมเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ มีรากเป็นเส้นสีแดงดูสวยงาม เหมาะที่จะปลูกเป็นไม้คลุมระแนง
กระดังงาสงขลา ดอกจะมีสองสีคือสีเขียวอ่อน และสีเหลืองจะมีกลิ่นหอมแต่ไม่ส่งกลิ่นหอมมากนักโดยเฉพาะเวลากลางวันกาวดูล็อป ใบมีขนาดใหญ่ ส่วนดอกจะเป็นสีแดง

พุทธซ้อน เป็นไม้หอมที่มีดอกโตกลีบซ้อนสีขาวบริสุทธิ์ และมีกลิ่นหอมแรง ดอกเมื่อแก่แล้วจะกลายเป็นสีเหลือง
เทียนหยด ใบเป็นสีเขียวสด เวลาใบดกจะเป็นพุ่มน่าชมมาก ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบและปลายกิ่ง แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ส่วนช่อดอกจะห้อยลงเป็นระย้า
คริสติน่า ยอดมีสีแดงสดเมื่อถูกตัดแต่งบ่อยๆ จะยิ่งแตกพุ่มยอด ทำให้มองดูมีสีสันตลอดเวลา
หอมเจ็ดชั้น ชอบปริมาณแสงแดดตลอดวัน และไม่ผลัดใบ มักออกดอกในช่วงหน้าหนาว ดอกมีกลิ่นหอมมาก
กุหลาบหิน ดอกจะทยอยบานนาน 2 - 3 เดือนในช่วงฤดูหนาว แม้ดอกจะเล็กแต่สีสันสะดุดตามาก ถ้าปลูกในร่ม ใบจะเขียวเข้มและไม่ค่อยออกดอกเพราะชอบแดดจัด 








ที่มา:http://www.vimannam.com/ArticleInfo.aspx?ATID=21&AID=32